แนวโน้มของผู้บริโภคในการใช้สื่อดิจิตอลในปี 2554
ผู้สื่อข่าวหลายสำนัก ไม่ว่าจะเป็นสำนักข่าวหรือบล็อกต่าง ๆ เริ่มออกมาให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มการเจริญเติบโตของสื่อดิจิตอลสำหรับปี 2554 กันอย่างครึกโครม ทำให้adminต้องออกมาเขียนบ้าง ขอเขียนมุมกลับกันบ้างว่า ผู้บริโภคจะมีแนวโน้มในการใช้สื่อดิจิตอลอย่างไรบ้างในปี 2554 โดยข้อมูลเหล่านี้เกิดจากการสังเกตและลองนั่งคิดดูว่าผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ นั้น มีการใช้สื่อดิจิตอลอย่างไรบ้าง
1. มีวิจารณญานในการเชื่อถือข้อมูลมากขึ้น
เดี๋ยวนี้ผู้บริโภคสามารถแยกแยะข้อมูลต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และมองออกได้ง่ายว่าอันไหนเป็นโฆษณาและอันไหนเป็นข้อมูลที่ผู้บริโภคเขียนกันจริง ๆ โดยข้อมูลที่ทำให้adminเชื่อในเรื่องนี้ก็คือ มีกระทู้หนึ่งในเว็บพันทิพ ได้เขียนถามไว้ว่า ใครเชื่อบล็อกเกอร์ที่มาเขียนรีวิวสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กันมากแค่ไหน adminลองอ่านคำตอบดูซึ่งมีหลายสิบคำตอบที่บอกว่า ตัวเองแยกแยะออก และไม่เชื่อไปเสียทั้งหมด บ้างบอกว่าเห็นเลยว่าบทความไหนเป็นบล็อกเกอร์ที่ได้สินค้ามารีวิว หรือบทความไหนเป็นบล็อกเกอร์ซื้อของมาจริง ๆ แล้วมารีวิว รวมไปถึงการเห็นข้อความทางสื่อโซเชียลมีเดียเช่น ทวิตเตอร์ หรือเฟซบุ๊ค แล้วมีการเช็คแหล่งข่าวกันก่อนที่จะบอกต่อกันอีกด้วย เห็นได้จากที่ผู้บริโภคมีการเขียนข้อความเตือนให้ผู้บริโภคด้วยกันเช็คแหล่งข่าว ก่อนการรีทวีตข้อความใด ๆ กันอยู่เนือง ๆ
2. ใช้เวลาการบริโภคสื่อน้อยลง
เมื่อเวลาของทุกคนมีอยู่ 24 ชั่วโมงเท่า ๆ กัน แต่ต้องบอกว่าผู้บริโภคมีแนวโน้มในการใช้เวลาบริโภคสื่ออย่างฉลาด เราจะเห็นว่าคนไทยสามารถใช้เทคนิคการอ่านแบบผ่าน ๆ แล้วยังสามารถจับใจความได้ดีขึ้น เห็นจากการที่บทความจากเว็บต่าง ๆ พยายามเขียนข่าวกันแบบไม่ยาวมาก เพราะผู้บริโภคจะเริ่มไม่สนใจหากข่าวไหนยาวเกินไป หรือกระทู้ในเว็บบอร์ดต่างๆ ที่มีคนตอบกันยาว ๆ หลายสิบคน ผู้บริโภคสามารถเลื่อนหน้าจออ่านแบบเร็ว ๆ เพื่อหาข้อมูลที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว อันนี้เห็นได้จากเพื่อน ๆ ของadminที่อ่านข้อมูลแบบนี้
3. สนใจเรื่องความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
เรามักจะเห็นข่าวว่าเว็บไซต์ดัง ๆ ในระดับโลกมีปัญหาถูกร้องเรียนเรื่องการเปิดเผยข้อมูลความเป็นส่วนตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ นั่นเป็นเพราะว่าผู้บริโภคเริ่มตระหนักแล้วว่า การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวในสื่อดิจิตอลที่มากเกินไป อาจนำมาซึ่งความรำคาญจากการเกิดอีเมล์ขยะ หรือแม้กระทั่งมีภัยมาถึงตัว ดังนั้นผู้บริโภคบางคนจะมีอีเมล์หลายชื่อ เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมตามสถานการณ์เช่น อีเมล์ที่ใช้จริงจัง อันนี้จะใช้กับเว็บที่เป็นเว็บไซต์หลัก ๆ ที่ตนเองใช้ และมีอีเมล์สำรองเอาไว้ใช้สมัครบริการหรือเว็บไซต์บางเว็บที่ตนเองคิดว่าไม่ได้ใช้บ่อย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงอีเมล์ขยะที่จะมาจากการสมัครใช้บริการต่าง ๆ ที่มักจะมามากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อผ่านไปหลายปี
4. ต้องการความสะดวกสบายมากขึ้นในการเข้าใช้บริการ
ทุกวันนี้เว็บไซต์มีกันอย่างมากมายก่ายกอง ทำให้ผู้บริโภคต้องการความสะดวกสบายและต้องการชื่อผู้ใช้ของตนแบบไม่กี่ตัว เรามักจะเห็นว่าหากเว็บไซต์ไหนมีให้เข้าสู่ระบบด้วยการใช้ชื่อผู้ใช้ของเฟซบุ๊คหรือทวิตเตอร์ (Single Sign-On) ซึ่งผู้บริโภคใช้กันอยู่เป็นประจำอยู่แล้วนั้น มักจะได้รับการตอบรับที่ดี แน่นอนว่าผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ ย่อมชอบแน่นอน เมื่อไม่ต้องจำรหัสผ่านหลายตัว
5. คุ้นเคยกับการถ่ายรูปและโทรศัพท์มือถือกันเป็นอย่างดี
เคยไปนั่งทานอาหารแล้วมองไปที่โต๊ะข้าง ๆ ไหมค่ะ เราอาจจะเห็นคนนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปอาหาร ก่อนที่ตัวเองจะลงมือรับประทานอาหารมื้อนั้นของตน หรือไปตามห้าง เห็นคนนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปเมื่อเจอดารา และหากได้มีโอกาสขึ้นรถไฟฟ้า จะเห็นคนเล่นเฟซบุ๊กผ่านโทรศัพท์มือถือกันเยอะเชียว สิ่งเหล่านี้บอกเราได้ว่าผู้บริโภคคุ้นเคยกับการถ่ายรูป การอัพโหลดรูปภาพ และการใช้สื่อโซเชียลมีเดียผ่านอุปกรณ์มือถือกันเป็นอย่างดี หากแคมเปญโฆษณาใดเป็นการให้ผู้บริโภคส่งรูปถ่ายเข้ามาร่วมกัน ก็เริ่มจะมีคนร่วมกิจกรรมมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นรูปแบบที่เขาคุ้นเคยอยู่แล้ว แนวโน้มปี 2554 ก็ยังไม่น่าจะหายไป แถมยังน่าจะมากขึ้นอีกด้วย
บทความนี้เขียนโดย กติกา สายเสนีย์ เพื่อตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันที่ 23 ธันวาคม 2553
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น